วิตามินชะลอความแก่ มีอะไรบ้าง

Browse By

วิตามินชะลอความแก่ ไม่น่าเชื่อว่าวิตามินจะชะลอความแก่ได้ เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะวิตามินเป็นสารที่มีคุณสมบัติช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และยังเป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย ถึงแม้ว่าร่างกายจะต้องการวิตามินในปริมาณไม่มากเท่ากับสารอาหารประเภทโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต แต่ก็ขาดไม่ได้เชียว เพราะวิตามินมีส่วนสำคัญต่อระบบการเผาผลาญของร่างกาย รวมถึงช่วยในการเจริญเติบโต ช่วยสร้างเซลล์ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย และยังมีส่วนต่อการทำงานของระบบประสาทอีกด้วย วิตามินชะลอความแก่ มีอะไรบ้าง!

วิตามินชะลอความแก่

โดยปกติ วิตามินแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ ประเภทที่ละลายน้ำ กับประเภทที่ละลายในไขมัน ความต่างไม่ได้ซับซ้อนอะไร ก็แค่ประเภทที่ละลายในน้ำจะค่อนข้างอ่อนแอ ถูกทำลายได้ง่ายจากความร้อน หรือสูญหายไปในขั้นตอนการปรุงอาหาร และจะอยู่ในร่างกายเราได้ไม่นาน คือ ถ้าร่างกายไม่ดูดซึมแล้วก็จะถูกขับออกมาทางเหงื่อและปัสสาวะ ส่วนชนิดของวิตามินที่อยู่ในประเภทนี้ก็มี วิตามินบี วิตามินซี วิตามินเอช หรืออีกชื่อคือไบโอติน

สำหรับวิตามินประเภทที่ละลายในไขมัน จะค่อนข้างแข็งแรง ทนต่อความร้อนได้มากกว่า สามารถประคองตัวอยู่ในร่างกายเราได้นาน หรือจะเรียกว่าเป็นการถูกสะสมก็ได้ ซึ่งลักษณะแบบนี้ถือว่าไม่ค่อยดีนัก จึงมีคำแนะนำว่า ไม่ควรกินวิตามินประเภทนี้มากเกินไป เพราะวันหนึ่งส่วนที่ถูกเก็บสะสมไว้มากๆ พอนานวันเข้าอาจกลายเป็นพิษต่อร่างกายได้ ส่วนชนิดของวิตามินที่อยู่ในประเภทนี้ก็จะมี วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี วิตามินเค และวิตามินคิว

เมื่อรู้ความต่างกันแล้ว ต่อไปก็ต้องระมัดระวังเรื่องการกินวิตามินกันบ้าง อย่างที่รู้ๆกันว่าอะไรที่มันมากเกินไปมักจะส่งผลเสียเสมอ แต่สำหรับวิตามินที่ละลายในน้ำ เป็นประเภทมาไวไปไว เราจึงจำเป็นต้องป้อนเข้าสู่ร่างกายทุกวันไม่ให้ขาด ยกตัวอย่าง มีข้อมูลบอกว่า แค่เรากิส้มหนึ่งผลต่อวันก็จะได้รับวิตามินซี เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เอาเป็นว่ากินวันละนิด แต่กินกันทุกวันเป็นดีที่สุด

คราวนี้เรามาเข้าเรื่องวิตามินเพื่อการชะลอความร่วงโรยกันดีกว่า วิตามินซี วิตามินอี วิตามินบี3 เบต้าแคโรทีน และโคเอนไซม์คิวเทน เป็นชื่อวิตามินที่มีความโดดเด่นในเรื่องของความสวยงาม วิตามินชะลอความแก่ เรามาดูคุณสมบัติของวิตามินแต่ละอย่างกันดีกว่าว่าเป็นอย่างไร

วิตามินซี(Vitamin C)

เป็นสารอาหารยอดฮิตที่มีคุณสมบัติโดดเด่นในเรื่องของผิวพรรณ เพราะได้รับการยอมรับว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเลิศ มีส่นช่วยในการการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิว ทำให้เซลล์ผิวมีความแข็งแรงมีความกระชับยืดหยุ่น ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย ช่วยทำให้แผลหายเร็วขึ้น และช่วยทำให้ผิวกระจ่างใส โดยปกติแล้ว ร่างกายคนเราต้องการวิตามินซี ไม่เกิน 60 มิลลิกรัมต่อวัน ฉะนั้น ไม่มีประโยชน์อะไรที่ร่างกายเราจะรับวิตามินซี เข้าไปเยอะๆ เพราะวิตามินซีเป็นประเภทละลายในน้ำ ถ้าร่างกายไม่ดูดซึม ก็จะขับออกมาทางปัสสาวะ เท่ากับว่าส่วนที่เรากินเข้าไปเยอะเกินหรือส่วนที่เรียกว่าเหลือใช้ ถือเป็นการสูญเปล่า แต่ก็มีบ้างสำหรับบางคนที่ต้องการวิตามินซีมากกว่าปกติ เช่น กำลังอยู่ในภาวะป่วย เป็นหวัด เป็นภูมิแพ้ เหงือกอักเสบ เลือดออกตามไรฟัน ตั้งครรภ์ สำหรับแหล่งอาหารที่เต็มเปี่ยมไปด้วยวิตามินซี คือ จำพวกพืชผักใบเขียวและผลไม้รสเปรี้ยว อาทิ คะน้า ผักบุ้ง ตำลึง มันฝรั่ง มะเขือเทศ ฝรั่ง ส้ม เสาวรส มะละกอสุก และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่

วิตามินอี (Vitamin E)

มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพ หรือมีคุณสมบัติดีเลิศในเรื่องของผิวพรรณ คือ ช่วยป้องกันเซลล์ไม่ให้ถูกทำลาย ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวมีคสามกระชับยืดหยุ่น ช่วยสมานแผลทำให้แผลหายเร็วขึ้น ช่วยฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพ ทำให้ผิวสดใสเนียนนุ่ม ลดการอักเสบของผิว ส่วนด้านสุขภาพวิตามินอี มีคุณสมบัติช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานในร่างกาย ช่วยเรื่องการไหลเวียนของเลือด ทำให้เม็ดเลือดแดงแข็งแรงไม่แตกง่าย ช่วยชะลอการเกิดโรคทางสมอง ช่วยให้ระบบสืบพันธุ์ทำงานไปได้ด้วยดี ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือด เราควรได้รับวิตามินอี ประมาณ 10 มิลลิกรัมต่อวัน วิตามินอีจะแพ้ความร้อนและไม่ทนความเย็น ถ้าเรานำอาหารไปแช่แข็ง หรือปรุงให้สุกด้วยความร้อน จะทำให้วิตามินสูญหายไปเยอะ สำหรับแหล่งอาหารที่อุดมด้วยวิตามินอี ก็มีเมล็ดพืช และถั่วต่างๆ น้ำมันจากพืช และผักบางชนิดเช่น ปวยเล้ง หน่อไม้ฝรั่ง ผักโขม