เคล็ดลับการบรรลุเป้าหมาย อย่าสร้างขีดจำกัดให้ตัวเอง หากคุณรู้สึกว่าทั้ง ๆ ที่ตัวเองมีความรู้และทักษะดีอยู่แล้วแต่ก็ยังทำผลงานได้ไม่น่าประทับใจ แสดงว่าคุณมีปัญหาเรื่องกรอบความคิดแล้วล่ะครับ ลองเปลี่ยนแปลงวิธีคิดเพียงเล็กน้อยดูสิ มันอาจจะเกิดประโยชน์ต่อชีวิตของคุณอย่างมหาศาลเลยก็ได้ เคยไหมครับเวลาที่คุณ “อยากจะลองท้าทาย” แต่ก็ต้องตัดใจเพราะว่า “ในโลกแห่งความจริงคงเป็นไปไม่ได้” หรือ “เป็นการฝันไกลเกินตัว”
หรือคุณเคยตัดใจเพราะถูกคนอื่น “ตัดสิน” ตัวคุณว่า “ทำไม่ได้หรอก” หรือ “เป็นไปไม่ได้หรอก” ไหมครับ คนรอบข้างจะ “ตัดสิน” ความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของคุณในหลาย ๆ รูปแบบ เริ่มตั้งแต่การแสดงความคิดเห็นในแง่ลบอย่างการดูถูก ไปจนถึงการแสดงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างแท้จริง หรือการให้ดำแนะนำอย่างจริงใจ เพื่อให้คุณมีพัฒนาการที่ดีขึ้น
แต่ว่าผมจะไม่ใส่ใจ “คำตัดสินจากปากคนอื่น”เหล่านี้ คุณครูที่สอนผมตอนอยู่ชั้นมัธยมปลายเคยถามผมว่า “เธอรู้ไหมว่ากุญแจสำคัญที่จะพาเธอเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยที่เธอใฝ่ฝันคืออะไร” จากนั้นท่านก็พูดว่า “ครูจะบอกให้นะ มันง่ายมาก แค่เธอคิดว่า ‘อยากจะเข้า’ ก็พอ ครูไม่รู้หรอกว่าถ้าเธอคิดว่าอยากจะเข้าแล้วจะเข้าได้จริง ๆหรือเปล่า
แต่ถ้าเธอไม่เคยคิดว่าอยากจะเข้าตั้งแต่แรก เธอจะไม่มีวันได้เรียนที่นั่นอย่างแน่นอน” ถ้าคุณไม่ “ตัดสิน” ตัวเอง คุณจะสามารถกำหนด”เป้าหมายที่ท้าทาย” ได้ เมื่อกำหนดเป้าหมายได้แล้ว จงเริ่มวางแผนและพยายามไปให้ถึง แม้จะผิดพลาดและหมดกำลังใจครั้งแล้วครั้งเล่า แต่มนุษย์ก็จะปรับปรุงและพัฒนาตัวเองเพื่อไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้ในที่สุด
ท้าทายกฎระเบียบ บางครั้งถึงแม้คุณจะกำลังมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมายใหม่ที่วางไว้ แต่ก็มีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้คุณไม่บรรลุเป้าหมายเสียที หากองค์กรมีกฎข้อบังคับหรือมีระบบเวียนหนังสือขออนุมัติที่ซับซ้อน คุณอาจจะทำโครงการเสร็จไม่ทันหรือหมดไฟในการทำงานไปเลยก็ได้ องค์กรขนาดใหญ่หรือองค์กรเก่าแก่มักจะเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ นื่คือ “สัญชาตญาณป้องกันตัว” ขององค์กรเพื่อ
ป้องกันความผิดพลาดครั้งใหญ่ องค์กรจะเพิ่มกระบวนการตรวจสอบขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง เผื่อว่าพนักงานทำผิดพลาดหรือทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ยิ่งถ้าองค์กรมีขนาดใหญ่หรือเก่าแก่มากเท่าไหร่ กระบวนการตรวจสอบก็ยิ่งมากเท่านั้น แต่ถ้าคุณมัวแต่ใส่ใจเรื่องกระบวนการตรวจสอบก็จะส่งผลให้งานไม่คืบหน้าไปไหน
ผมจะใช้วิธีดังต่อไปนี้ครับ
1.ถ้าองค์กรมีกฎระเบียบ ให้ตรวจสอบว่ามันเป็นกฎระเบียบจริง ๆ หรือไม่ หรือมันเป็นเพียงความคิด กิจวัตร หรือวัฒนธรรมองค์กร
2.มองว่ากฎระเบียบย่อมมีข้อยกเว้น หากมีการระบุว่า “ผู้ที่จะสามารถยื่นเรื่องได้ต้องเป็นระดับหัวหน้างานขึ้นไป” ผมจะคิดก่อนว่ามันมีข้อยกเว้นหรือไม่ เช่น สามารถยืมชื่อของคนที่เป็นหัวหน้าหรือขอแต่งตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบชั่วคราวได้หรือไม่
3.วิ่งสู่เป้าหมายโดยใช้ระยะทางที่สั้นที่สุด คิดหาวิธีที่จะปฏิบัติตามกฎระเบียบโดยใช้ระยะทางที่สั้นที่สุด เช่น ขอให้ “ผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย” มาเป็นคนตัดสินใจคนแรก
หากคุณได้ดำรงตำแหน่งที่มีอำนาจตั้งกฎระเบียบหรือบริหารองค์กร แทนที่คุณจะเพิ่ม “กระบวนการตรวจสอบ”ให้คุณเพิ่ม “กระบวนการปรับปรุงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น” เข้าไปแทน องค์กรจะบรรลุเป้าหมายได้รวดเร็วขึ้น แต่ถ้าตอนนี้คุณยังไม่มีอำนาจ ก็ลองฝึกทำเพื่อเตรียมตัวรับวันข้างหน้าที่จะมาถึงดูสิครับ
ไม่มีคำว่า “สาย” สำหรับการเริ่มต้น Nothing is too late to start. นี่คือคำพูดติดปากของผู้ประกอบการชาวอเมริกันซึ่งเป็นอดีตทหารผ่านศึกเวียดนามและเป็นผู้มีพระคุณของผม ประโยดนี้มีความหมายว่า “ไม่มีคำว่าสายเกินไปที่จะเริ่มต้นทำอะไรสักอย่าง”
ก่อนที่จะเข้าร่วมสงครามเวียดนาม เขาเคยมุ่งมั่นที่จะเป็นนักแสดงละครบรอดเวย์ในนิวยอร์ก หลังจากใช้ชีวิตในสมรภูมิรบอยู่นานหลายปี ตอนนี้เขากลายเป็นผู้บริหารโรงเรียนสอนดนตรีที่ฮาวาย ผมรู้สึกว่าคำพูดของคนที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาโซกโซนอย่างเขาฟังดูหนักแน่นมากครับ คำว่า “too late (สายเกินไป)” มีที่มาจากการเอาบรรทัดฐานอะไรบางอย่างมาตัดสิน คุณอาจจะเคยรีบร้อนทำบางสิ่งเพราะคิดว่า ” ต้องทำเรื่องนี้ตอนอายุยังไม่เกินเลข 2″ หรือเคยตัดใจจากบางอย่าง เพราะคิดว่า “ตอนนี้ก็อายุเกิน 30 แล้วคงจะสายเกินไป”
แต่ว่าสิ่งเหล่านั้นเป็น “บรรทัดฐานทางสังคม” ที่ใครสักคนกำหนดขึ้น ไม่ใช่ “บรรทัดฐานของคุณ” เรื่องที่เราควรรีบทำตั้งแต่อายุน้อย ๆ มีเยอะก็จริง แต่บางเรื่องแม้จะทำ”ตอนอายุมาก ๆ” ก็มีคุณค่าไม่แพ้กัน คุณค่าของการบรรลุเป้าหมายอยู่ที่ความสำเร็จมากกว่าระยะเวลาที่ใช้คนบางคนมีเรื่องที่ตัวเองอยากทำแต่ไม่ยอมลงมือทำเพราะมัวแต่คิดว่า “ตัวเองทำไม่ได้” ส่วนผมมีความคิดว่า “สาเหตุที่ผมไม่ลงมือทำเพราะว่ามันยังไม่จำเป็นต้องทำ ถ้าผมเห็นว่ามันเป็นเรื่องจำเป็นต้องทำจริง ๆ มือผมจะขยับไปเอง เมื่อไหร่ที่จำเป็นต้อง
ทำเมื่อนั้นผมจะลงมือทำ”หากคุณมีเรื่องที่อยากจะทำให้ได้และเห็นว่าทำแล้วคุ้มค่า ผมขอยืนยันว่าไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการเริ่มต้นหรอกครับ